ตับอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ ทำให้การทำงานของตับผิดปกติ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ปัจจุบันมีเชื้อไวรัสตับอักเสบที่สำคัญ 5 ชนิด คือ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ทำให้เกิดตับอักเสบแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรังได้ ในประเทศไทยส่วนใหญ่พบการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด เอ บี ซี และอี
การติดต่อ แบ่งตามชนิดของไวรัส
	  
				
					
						
							
								| ไวรัสตับอักเสบเอและอี | ไวรัสตับอักเสบบีและซี | 
						
						
							
								| •	อาหารและน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรค | •	การได้รับเลือด / ส่วนประกอบของเลือด เช่น เกล็ดเลือด พลาสมา ก่อนปี 2533 | 
							
								|  | •	มารดาที่มีเชื้อไวรัสสู่ทารกระหว่างคลอด | 
							
								|  | •	เพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยาง | 
							
							  |  | •	ใช้สารเสพติดชนิดฉีด | 
							
							  |  | •	เจาะหู สักร่างกาย ฝังเข็ม ด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ | 
							
								|  | •	ใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น กรรไกร / มีดโกนหนวด | 
						
					
				 						
	   
        	
            
            
อาการ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือระยะเฉียบพลันและระยะเรื้อรัง  ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี จะมีภาวะติดเชื้อระยะเรื้อรัง 
หากมีเชื้ออยู่ในร่างกายนานกว่า 6 เดือน
ระยะเฉียบพลัน
•	มีไข้ ปวดข้อ
•	ตัวเหลืองตาเหลือง
•	คลื่นไส้ อาเจียน
•	ปวดท้องใต้ชายโครงขวา
•	ตรวจพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ
ระยะเรื้อรัง แบ่งได้ 2 กลุ่ม
1. กลุ่มพาหะ	มีเชื้อไวรัสในร่างกายแต่ไม่แสดงอาการ  สามารถแพร่เชื้อไวรัวสู่ผู้อื่นได้
2. กลุ่มตับอักเสบเรื้อรัง  มีเชื้อไวรัสในร่างกาย ตรวจพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้
การตรวจวินิจฉัย
ตรวจเลือดหาการติดเชื้อไวรัส
•	ไวรัสตับอักเสบ เอ : ตรวจหาภูมิต้านทานไวรัสตับอักเสบเอ ( Anti HAV IgM / IgG)
•	ไวรัสตับอักเสบ  บี : ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBs Ag), ตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี (Anti HBs)
•	ไวรัสตับอักเสบ  ซี : ตรวจเลือดหาการเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ( Anti HCV)
•	ไวรัสตับอักเสบ  อี : ตรวจหาภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบอี  (Anti HEV IgM)
การรักษา
ระยะเฉียบพลัน : รักษาตามอาการ
ระยะเรื้อรัง : รักษาด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส เพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสและยาฉีดเพคอินเตอร์เฟอรอน ในการกระตุ้นสร้างภูมิคุ้ม
การป้องกัน
•	รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด
•	ใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอและอี
•	มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัย / ไม่เปลี่ยนคู่นอนหลายคน
•	หลีกเลี่ยงการเจาะ สักร่างกาย ใช้ของมีคมร่วมกัน เช่น กรรไกรตัดเล็บ มีดโกนหนวด
•	หลีกเลี่ยงสารอัลฟาทอกซิล ตัวก่อมะเร็งตับ มีอยู่ในอาหารแห้ง เช่น ปลาแห้ง กุ้งแห้ง ถั่วป่น พริกป่น ที่เก็บไว้เป็นเวลานาน
•	ไม่กินปลาดิบน้ำจืดที่มีเกร็ด เช่นปลาตะเพียน ปลาขาว ปลาซิว ปลาสร้อย เพราะอาจมีพยาธิใบไม้ในตับ ก่อมะเร็งท่อน้ำดี
•	ควบคุมน้ำหนัก ไม่ปล่อยให้อ้วนลงพุง
•	หากสงสัยว่ามีบุคคลในครอบครัวติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี ควรตรวจหาเชื้อไวรัสและพบแพทย์เฉพาะทาง
•	ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี
•	ก่อนแต่งงานหรือวางแผนตั้งครรภ์ควรตรวจหาเชื้อไวรัสพร้อมคู่สมรส
•	ตรวจสุขภาพตับเป็นประจำทุกปี
การป้องกันตนเองโดยดูแลสุขภาพตนเองและหลีกเลียงพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรค เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดีห่างไกลโรค