ไข้เลือดออกใกล้ตัวกว่าที่คิด


ไข้เลือดออกใกล้ตัวกว่าที่คิด
            โรคระบาดร้ายแรงประจำถิ่นของประเทศไทย มียุงลายเป็นพาหะของเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus: DENV) มีการระบาดตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ซึ่งมีการระบาดหนักในทุก 2-5 ปี ในปี 2566 นี้ เป็นปีที่มีการระบาดหนัก จากรายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2566 พบผู้ป่วยไข้เลือดออกรวมแล้ว 73,979 ราย เสียชีวิตจากโรคนี้แล้ว 76 ราย ซึ่งจำนวนผู้ป่วย (ปี 2566) มากกว่าปีที่แล้ว (ปี 2565) ณ ช่วงเวลาเดียวกัน 3.3 เท่า

            โรคไข้เลือดออกเสี่ยงเป็นได้ทุกวัยไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้ที่ร่างกายแข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว กลุ่มอายุที่ป่วยโรคไข้เลือดออกมากที่สุดอันดับ 1 อยู่ที่ช่วงอายุ 5 - 14 ปี รองลงมา 15 -24 ปี โดยพบว่าในช่วงวัยทำงาน 25-34 ปีแนวโน้มป่วยไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นและมีอัตราป่วยตายมากที่สุด

โรคไข้เลือดออก ,  อัตราป่วยและเสียชีวิตสะสมจากไข้เลือดออก

ผู้ป่วยไข้เลือดออกมีอาการอย่างไร
            ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี มีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ คือ DENV-1, 2, 3 และ 4 ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสในตระกูล ฟลาวิไวรัส (Flavivirus) รวมถึงเชื้อไวรัสไข้เหลือง เชื้อไวรัสเวสต์ไนล์ และเชื้อไวรัสไข้ซิกา โดยเมื่อติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดแล้วร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นตลอดชีวิต แต่จะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6-12 เดือน ดังนั้น เมื่อป่วยไข้เลือดออกแล้ว จึงสามารถป่วยซ้ำจากการติดเชื้อสายพันธุ์อื่นได้อีก ซึ่งสายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทย คือสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 การติดเชื้อซ้ำในครั้งถัดไปเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคไข้เลือดออกที่รุนแรงขึ้น โดยสายพันธุ์ที่ 2 มักเป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงของโรคสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

            โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่รักษาตามอาการ ผู้ป่วยจะเริ่มแสดงออกภายใน 3 - 5 วัน โดยหลังจากแสดงอาการได้ 3 วัน ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมีแนวโน้มมีภาวะเลือดออกผิดปกติ หรือตกเลือด ไปจนถึงภาวะการไหลเวียนเลือดล้มเหลว ทำให้ระดับเกล็ดเลือดในร่างกายต่ำลง ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้

ผู้ป่วยไข้เลือดออกมีอาการอย่างไร
  • ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อยจะไม่แสดงอาการใดๆ
  • ผู้ป่วยบางคนมีเพียงอาการไข้ ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อเท่านั้น เรียกว่า “ไข้เดงกี”
  • กรณีที่มีการรั่วของพลาสม่าหรือน้ำเหลืองออกจากหลอดเลือดของผู้ป่วย ทำให้ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น มีน้ำในช่องปอดและช่องท้องจะเรียกว่า “ ไข้เลือดออก”
  • ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะพบภาวะเลือดออกได้บ่อยกว่าผู้ป่วยไข้เดงกี

การวินิจฉัยโรค

อาการโรคไข้เลือดออก แบ่งเป็น 3 ระยะคือ

ระยะไข้ มีไข้สูงลอย (ไข้ตั้งแต่ 38.5 °C ขึ้นไป) หน้าแดง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ เด็กโตและผู้ใหญ่มักมีไข้นานกว่าเด็กเล็ก และมักมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้ออย่างมาก

  • ระยะเวลาของไข้มักเป็นอยู่นาน 3 - 7 วัน
  • อาการผู้ป่วย ส่วนใหญ่จะชัดเจนและง่ายต่อการวินิจฉัยโรคมากขึ้นเมื่อมีอาการเข้าวันที่ 3

ระยะที่ 2 หรือระยะวิกฤติ ระยะนี้อาการไข้จะลดลง

  • เป็นระยะที่บ่งบอกว่าผู้ป่วยจะเกิดอาการรุนแรงของโรคหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด ต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ระยะนี้กินเวลา 12 - 72 ชั่วโมง
  • มีภาวะเลือดออกตามเยื่อบุภายในร่างกาย เช่น เยื่อบุจมูก เลือดออกตามผิวหนัง เยื่อบุกระเพาะอาหาร
  • ระยะนี้ถ้ามีการรั่วของพลาสมา ออกนอกหลอดเลือดดำทำให้ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้น และอาจเกิดภาวะช็อกได้
  • ภาวะช็อกอาจเกิดจากการที่เลือดออกในอวัยวะสำคัญ เช่น กระเพาะอาหาร, ประจำเดือนมามาก
  • ภาวะช็อกอาจทำให้เกิดภาวะล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะไตและตับ ทำให้เสียชีวิตได้
  • ภาวะเลือดออกในผู้ป่วยไข้เลือดออก เกิดจากเกล็ดเลือดมีจำนวนลดลงหรือมีหน้าที่ผิดปกติไป เส้นเลือดมีความเปราะบาง หรือเกิดจากความผิดปกติของระบบแข็งตัวของเลือด

ระยะพักฟื้น
            อาการโดยทั่วไปดีขึ้น ทานได้มากขึ้น มีปัสสาวะมากขึ้น มีผื่นแดงตามขาและลำตัว ผื่นระยะพักฟื้น เป็นวงสีขาวบนพื้นผิวหนังสีแดง พบบ่อยที่ขาทั้งสองข้าง มักมีอาการคัน จำนวนเกล็ดเลือด จะเพิ่มขึ้นและกลับสู่สภาพปกติภายใน 3 – 5 วัน

การตรวจยืนยันไข้เลือดออก            

1. การตรวจนับเม็ดเลือดควรทำในวันที่ 3 ของโรคเป็นต้นไป จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง (เม็ดเลือดขาวลดลง, เกล็ดเลือดลดลง, ความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นถ้ามีการรั่วของพลาสมา)

2. ตรวจหาแอนติเจน หรือโปรตีนจากเชื้อไวรัสเดงกี โดยการตรวจ NSI-แอนติเจน จะมีผลบวกตั้งแต่วันแรกๆ ของไข้ มีความไวและความจำเพาะสูง


การรักษา
            ผู้ป่วยที่มีไข้ในระยะแรกๆ จะยังไม่มีภาวะใกล้ช็อก การดูแลรักษาเป็นแบบรักษาตามอาการและประคับประคอง มีการปฏิบัติ ดังนี้
  • ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลรับประทาน อาจให้ซ้ำได้ทุก 4 ชม. ต้องระมัดระวังอย่าให้ไข้สูง ยาพาราเซตามอลใช้ได้ทั้งลดไข้และบรรเทาอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อย ตามตัว **ห้ามใช้ยาพวกแอสไพริน และควรเลี่ยงการใช้ยาที่อาจก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เช่น พวก NSAID ต่าง ๆ
  • ควรให้ผู้ป่วยได้รับน้ำอย่างเพียงพอด้วยการดื่มน้ำหรือ ORS (ถ้าเป็นเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบให้ ORS 1 ส่วน ดื่มนมหรือน้้ำตามอีก 1 -2 ส่วน) ในระยะที่อาเจียนควรให้ดื่มครั้งละน้อย ๆ และดื่มบ่อยครั้ง ช่วง 2 วันแรกของไข้ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เพราะยังไม่เข้าสู่ระยะวิกฤติ แต่ต้องติดตามอาการ และตรวจนับเม็ดเลือด
  • อาการรุนแรงมักเกิดในวันท้ายๆ ของระยะไข้ ถ้ามีความเข้มข้นของเลือดเพิ่มขึ้นต้องได้รับการรักษาด้วยสารน้ำทางหลอดเลือดในปริมาณเท่าที่จำเป็น
  • ถ้ามีเลือดออกมาก อาจต้องให้เลือด
  • แพทย์มักหลีกเลี่ยงการให้เกล็ดเลือด เนื่องจากเกล็ดเลือดที่ให้จะถูกทำลายอย่างรวดเร็ว พิจารณาให้เกล็ดเลือดในกรณีที่จำเป็นจริงๆ คือ มีเลือดออกอย่างรุนแรงในอวัยวะสำคัญ
  • ตลอดระยะเวลา 24 – 72 ชั่วโมง ของระยะวิกฤติแพทย์จะติดตามความดันโลหิต, ชีพจร, ความเข้มข้นของเลือดและจำนวนปัสสาวะของผู้ป่วยที่อาการหนักเป็นระยะ

การป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก
            หลักการป้องกันโรคนี้ที่สำคัญ คือ อย่าให้ตนเองถูกยุงกัด ทำลายยุงและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้านและในชุมชนของเราเอง เพื่อป้องกันยุงมากัดผู้ป่วยและไปแพร่เชื้อต่อให้รายอื่น

1. หลีกเลี่ยงการถูกยุงลายกัด นอนในห้องที่ติดมุ้งลวด, ใช้มุ้งกันยุง, ใช้ยาทากันยุง

2. การปราบยุงลาย ฉีดยาฆ่ายุง, หน่วยงานราชการนิยมใช้วิธีพ่นสารเคมี

3. การกำจัดลูกน้ำยุงลาย สำรวจภาชนะในบ้านที่มีน้ำขัง กระป๋อง, กะลา, จานรองกระถางต้นไม้, ตุ่มโอ่งที่ไม่มีฝาปิด เปลี่ยนน้ำในภาชนะบ่อยๆ คว่ำภาชนะและปิดฝาตุ่ม อาจใส่เกลือผสมน้ำส้มสายชูหรือทรายอะเบทในภาชนะ หรือเลี้ยงปลาหางนกยูง

4. หมั่นสังเกตตัวเองและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

5. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดใหม่ (Live Attenuated dengue2- dengue vaccine) ที่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงขึ้นได้


วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดใหม่ ( Live-attenuated recombinant dengue2-dengue vaccine)

            ผลิตที่ประเทศเยอรมนี เป็นวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกเดงกีชนิด 4 สายพันธุ์ (ชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ มีแกนหลักเป็นไวรัสเดงกีสายพันธุ์ที่ 2) ฉีดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 4 - 60 ปี สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน โดยไม่ต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนฉีด ฉีดเพียง 2 เข็ม ห่างกัน 3 เดือน (0 และ 3) สำหรับผู้ที่เพิ่งติดเชื้อไข้เดงกีหรือเพิ่งหายจากการติดเชื้อ ควรเว้นระยะห่าง 6 เดือนก่อนฉีด มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกจากทุกสายพันธุ์ 80.2 % ลดการนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 90.4% หลังฉีดครบ 2 เข็ม โดยสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยได้แนะนำการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ (Live-attenuated recombinant dengue2-dengue vaccine) ไว้ในตารางการให้วัคซีนในเด็กไทยใน ปี พ.ศ. 2566

            วัคซีนโรคไข้เลือดออกชนิดใหม่มีความปลอดภัย หลังฉีดวัคซีนอาจมีอาการปวดแขนตรงบริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่พบได้หลังฉีดวัคซีนและส่วนมากมักหายเองได้ ภายใน 1-3 วัน


วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกชนิดใหม่ , ประสิทธิภาพวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่

คำแนะนำในการรับวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ในกรณีอื่นๆ ได้แก่

1. หากมีโรคประจำตัวอยู่ในระยะกำเริบหรือคุมอาการไม่ได้ ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไปจนกว่าอาการจะเป็นปกติ

2. สตรีที่มีการวางแผนตั้งครรภ์ ควรคุมกำเนิดต่อไปอีก 1 เดือนหลังจากรับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว

3. ผู้ที่เพิ่งหายป่วยจากไข้เลือดออก สามารถฉีดวัคซีนหลังติดเชื้อไปแล้ว 6 เดือน เพื่อป้องกันการติดเชื้อครั้งต่อไปที่มักมีอาการรุนแรงขึ้น

4. หากป่วยไม่สบาย ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน


ข้อห้ามของการใช้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก

1. มีภาวะภูมิไวเกินต่อตัวยาสำคัญหรือสารเพิ่มปริมาณยาชนิดใดๆ หรือมีภาวะภูมิไวเกินต่อวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกที่ฉีดไปก่อนหน้านี้

2. ผู้ที่มีภาวะการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันผ่านเซลล์บกพร่องมาแต่กำเนิดหรือในภายหลัง รวมถึงผู้ที่ได้รับการบำบัดรักษาด้วยการกดภูมิคุ้มกัน เช่น ได้รับเคมีบำบัด หรือ คอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดออกฤทธิ์ทั่วร่างกายที่ขนาดยาสูง ภายในระยะเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนการได้รับวัคซีน

3. ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีแบบแสดงอาการ หรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีแบบไม่แสดงอาการที่มีหลักฐานแสดงถึงการทำงานของภูมิคุ้มกันบกพร่อง

4. หญิงตั้งครรภ์ หากรับวัคซีนแล้วแต่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์ภายหลัง ยังไม่มีข้อมูลผลกระทบที่เป็นอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่แนะนำให้ตรวจติดตามและดูแลโดยสูตินรีแพทย์อย่างต่อเนื่อง

5. หญิงให้นมบุตร เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลความปลอดภัยยังไม่เพียงพอ จึงควรเลื่อนรับวัคซีนออกไปก่อน


           โรคไข้เลือดออกยังคงเป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี และทุกๆช่วงวัยมีความเสี่ยงโดยเฉพาะการติดเชื้อไข้เลือดออกครั้งที่ 2 ในผู้ใหญ่จะมีอาการรุนแรงเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ การป้องกันยุงกัดและการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบ้านเป็นวิธีการที่สำคัญที่สุดในการควบคุมโรค หากพบว่าตนเองป่วยมีไข้สูง การเจ็บป่วยครั้งนี้รุนแรงไม่เหมือนกับที่เคยเป็น รับประทานยาพาราเซตามอลแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรสงสัยว่า ป่วยเป็นไข้เลือดออกหรือมีอาการเตือนดังกล่าว ให้รีบพบแพทย์


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

           เด็ก อายุ 4 - 14 ปี นัดหมายเข้ารับบริการได้ที่คลินิกสุขภาพเด็กดี (Well Baby Clinic ศูนย์กุมารเวช 24 ชั่วโมง ชั้น 2 อาคารพรีเมียม เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00 - 22.00 น. โทร. 0-2117-4999 , 0-2431-0054 ต่อ 2200)

           ผู้ใหญ่ อายุ 15 ปีขึ้นไป นัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์อายุรกรรมเที่ยงคืน ชั้น 1 อาคารพรีเมียม เปิดบริการทุกวัน เวลา 07.00 - 00.00 น. โทร. 0-2117-4999 , 0-2431-0054 ต่อ 2138, 2120

ankara escort çankaya escort çankaya escort escort ankara çankaya escort escort bayan çankaya istanbul rus escort eryaman escort escort bayan ankara ankara escort kızılay escort istanbul escort ankara escort ankara grup escort ankara olgun escort çankaya escort çayyolu escort cebeci escort dikmen escort eryaman escort etlik escort gaziosmanpaşa escort keçiören escort kızılay escort sincan escort turan güneş escort ankara escort ankara rus escort ankara escort çankaya escort çayyolu escort dikmen escort eryaman escort gaziosmanpaşa escort incek escort ankara olgun escort kızılay escort keçiören escort cebeci escort ankara rus escort escort çankaya ankara escort bayan istanbul rus Escort atasehir Escort beylikduzu Escort Ankara Escort Ankara genç Escort Ankara masöz Ankara rus Escort Ankara ucuz Escort Ankara vip Escort çankaya Escort keçiören Escort kızılay Escort sınırsız Escort sıhhiye Escort eryaman Escort dikmen Escort malatya Escort kuşadası Escort gaziantep Escort izmir Escort antalya Escort Gaziantep Escort Shell Download