ปวดประจำเดือนเรื่องไม่ธรรมดาของผู้หญิง


            ภาวะปวดประจำเดือนเป็นอาการปวดท้องน้อยที่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือน ภาวะดังกล่าวเป็นอาการที่พบบ่อยซึ่งนำผู้ป่วยมาพบแพทย์รวมทั้งยังรบกวนการดำรงชีวิตและส่งผลต่อสภาวะจิตใจและอารมณ์ มักมีคำถามเกิดขึ้นตามมา ได้แก่

  • ลักษณะอาการปวดแบบใดเป็นภาวะปกติขณะมีประจำเดือน?
  • ภาวะปวดประจำเดือนเป็นอาการแสดงของโรคหรือไม่?
  • ภาวะปวดเช่นใดที่บ่งบอกว่าเป็นภาวะผิดปกติจำเป็นต้องไปรับการตรวจ?
  • สามารถบรรเทาอาการปวดได้อย่างไร?


  • ภาวะปวดประจำเดือนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
                1. ปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ (Primary dysmrnorrhea) เป็นอาการปวดท้องน้อยที่ไม่รุนแรง โดยที่ตรวจไม่พบพยาธิสภาพ เกิดจากมดลูกหดเกร็งขณะมีประจำเดือน มักเริ่มมีอาการปวดตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก มักปวด 1- 2 วันแรกของการมีประจำเดือน สามารถบรรเทาโดยการรับประทานยาแก้วปวดอักเสบ
                2. ปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea) เป็นอาการปวดที่รุนแรงขึ้น ร่วมกับตรวจพบพยาธิสภาพที่เป็นสาเหตุ อาการปวดจะเริ่มภายหลังจากไม่เคยปวดประจำเดือนมาก่อน มีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดอักเสบ

    แนวทางการรักษาภาวะปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิสรุปได้ดังนี้
                1. การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ทำให้อาการปวดดีขึ้น 90%
                2. การให้ยาระงับปวด
                3. การให้ยาต้านพรอสตาแกลนดินส์ (NSAID) เช่น Ponstan

    ภาวะปวดประจำเดือนทุติยภูมิเกิดจากสาเหตุ อันได้แก่
                1.Endometriosis
                2. Adenomyosis
                3. ใส่ห่วงคุมกำเนิด
                4. การอักเสบในอุ้งเชิงกราน
                5. ปากมดลูกตีบตัน

    1.Endometriosis
                เป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ตำแหน่งอื่น นอกเหนือไปจากภายในโพรงมดลูกปกติ เช่น บริเวณอุ้งเชิงกราน รังไข่ และอวัยวะอื่นๆ สาเหตุของ endometriosis เชื่อว่าเกิดจากการไหลย้อนกลับของประจำเดือนเข้าไปในช่องท้อง
    พยาธิวิทยา:
                พบเป็นจุดสีน้ำตาล จุดแดง จุดใสขนาดเล็กๆ มักมีเยื่อพังผืดติด กับอวัยวะข้างเคียง ในรายที่เป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ภายในมีของเหลวข้นสีช็อกโกแล็ต
    อาการ:
                • ปวดประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ
                • เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
                • ภาวะมีบุตรยากเนื่องจากท่อนำไข่อุดตันจากการมีพังผืด
                • ไม่มีอาการ( พบส่วนน้อย)
    การวินิจฉัย
                1. อาการและการตรวจร่างกาย พบมดลูกคว่ำหลังและติดแน่น, พังผืดบริเวณอุ้งเชิงกราน
                2. ส่องกล้องในอุ้งเชิงกราน (Iaparoscopy) ทำให้เห็นพยาธิสภาพทั้งยังสามารถตัดเนื้อเยื่อส่งตรวจ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่เป็นมาตรฐานและแน่นอนที่สุด
                3. การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง มีประโยชน์ในกรณีที่เป็นถุงน้ำ
    แนวทางการรักษา ได้แก่
                1. การเฝ้าสังเกตอาการ ให้ยาแก้ปวดหากมีอาการปวดประจำเดือน
                2. การใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิดแบบฉีด, progestin, androgen (danazol), GnRH-analoques
                3. การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อการวินิจฉัย และรักษาโดยขจัดเอาเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่ออก( laparoscopic cystectomy)หรือผ่าตัดทำลายเส้นประสาทที่นำความรู้สึกปวด (Laparoscopic uterine nerve ablation) หรือการจี้ทำลายพยาธิสภาพด้วยไฟฟ้า (Laparoscopic electrical cauterization)

    2. Adenomyosis เป็นชนิดหนึ่งของ Endometriosis โดยเป็นภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกแทรกอยู่ระหว่างกล้ามเนื้อมดลูก
    อาการ:
                ปวดประจำเดือนมากบริเวณเหนือหัวหน่าว
    การวินิจฉัย:
                เช่นเดียวกับภาวะ Endometriosis อาจตรวจพบร่วมกัน โดยทั่วไปมักพบภาวะมดลูกโตทั่วๆทั้งก้อน จากการตรวจภายในและ/ หรือการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
    แนวทางการรักษา:
                เช่นเดียวกับภาวะ Endometriosis

    3.ใส่ห่วงคุมกำเนิด
                ทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้นเนื่องจากกลไกการคุมกำเนิดของห่วงคุมกำเนิดทำให้เกิดการอักเสบในโพรงมดลูก มักเป็นในช่วง 3 เดือนแรกสามารถบรรเทาอาการปวดได้โดยใช้ยาต้านพรอสตาแกลนดินส์

    4.การอักเสบในอุ้งเชิงกราน
                จะมีอาการปวดร่วมกับตกขาวคล้ายหนอง อาจมีไข้ร่วมด้วย

    5.ปากมดลูกตีบตัน
                ทำให้มีการคั่งของประจำเดือนในโพรงมดลูก ถ้าเป็นมากอาจไหลเข้าไปในอุ้งเชิงกรานได้

                แม้ว่าภาวะปวดประจำเดือนโดยทั่วไปจะเป็นภาวะปกติที่เกิดจากการหดเกร็งของมดลูก แต่หากมีอาการรุนแรงหรือทวีความปวดขึ้นเรื่อยๆ อาการดังกล่าวอาจจะเป็นอาการแสดงของพยาธิสภาพจึงจำเป็นต้องมารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขรวมทั้งป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดตามมา